สิ้นยุคมหาวิทยาลัย ?

Last updated: 14 ต.ค. 2560  |  1267 จำนวนผู้เข้าชม  | 

สิ้นยุคมหาวิทยาลัย ?

หนังสือ The End of College : Creating the Future of Learning and the University of Everywhere (2015) เขียนโดย Kevin Carey ซึ่งมีคำอธิบายความคิดของผู้เขียนในที่นี่

สิ่งที่ผู้เขียนสื่อ คือ มหาวิทยาลัยในรูปแบบปัจจุบันจะสลายไป แทนที่ด้วย “มหาวิทยาลัยแห่งทุกแห่งหน” (The University of Everywhere) ด้วยพลังของเทคโนโลยีสารสนเทศ และ รายวิชาเปิดบริการสาธารณะออนไลน์ (MOOCs) ที่เวลานี้ก็มีแพร่หลายมากมาย

เขาให้ข้อมูลจุดอ่อนของมหาวิทยาลัยในสหรัฐ อ่านแล้วน่าตกใจ เช่น นักศึกษาที่เข้าเรียนมหาวิทยาลัย เรียนไป ๖ ปี สองในสาม ยังเรียนไม่จบ และมีผลงานวิจัย ที่บอกว่า คนเข้าเรียนมหาวิทยาลัยอเมริกันเป็นเวลา ๔ ปี

ร้อยละ ๔๖ แทบจะไม่ก้าวหน้าในด้านวิชาความรู้ เป็นต้น ความอ่อนแอในด้านการส่งมอบผลลัพธ์เช่นนี้ ย่อมช่วยเร่งจุดจบ ของตนเองเร็วขึ้น

มหาวิทยาลัยไทยเป็นอย่างไร???

เขาบอกว่า มหาวิทยาลัยแรกของโลกก่อตั้งขึ้นที่เมืองโบโลนญา ประเทศอิตาลี เมื่อ ค.ศ. 1088 ผู้ก่อตั้งคือนักศึกษา เป็นมหาวิทยาลัยของนักศึกษา จัดการจ้างอาจารย์มาสอน นักศึกษากำหนด กติกาข้อบังคับให้อาจารย์ต้องปฏิบัติตาม เช่น จะยกเลิกชั้นเรียนตามอำเภอใจไม่ได้ ต้องมาสอนตรงเวลา ฯลฯ

ต่อมาสถานการณ์ค่อยๆ เปลี่ยนไป นักศึกษากลายเป็น “ลูกค้า” ตามกติกา อุปสงค์-อุปทาน ผู้ตั้งกติกา กลายเป็นอาจารย์ การจัดองค์กร เป็นไปเพื่อความสะดวกของอาจารย์ ไม่ใช่เพื่อความสะดวกของนักศึกษา ในประเทศไทย นักศึกษาต้องถูกเคี่ยวเข็ญให้เรียน ต่างจากนักศึกษาที่โบโลนญา เมื่อเกือบพันปีก่อน ที่ต้องการเรียน จึงร่วมกันตั้งมหาวิทยาลัย

ที่จริงนักศึกษา สูญเสียอำนาจ หลังการก่อเกิดมหาวิทยาลัยในโลกนี้ไม่นาน เพราะมหาวิทยาลัยแห่งที่สองของโลก คือมหาวิทยาลัยปารีส จัดองค์กรเพื่อความสะดวกของอาจารย์

สี่ร้อยปีต่อมา เกิดการปฏิวัติความรู้ครั้งใหญ่ เมื่อเกิดเครื่องพิมพ์กูเต็นเบิร์ก แต่การเมือง เรื่องอำนาจระหว่าง อาจารย์-นักศึกษาไม่เปลี่ยน อาจารย์ยังยึดกุมอำนาจไว้อย่างเหนียวแน่น ในประเทศไทยเรา ผู้ยึดกุมอำนาจมหาวิทยาลัย คือรัฐ แม้จะคุมแบบให้ความเป็นอิสระ สูงกว่าหน่วยราชการทั่วไป

มหาวิทยาลัยแพร่เข้าไปในอเมริกาในศตวรรษที่ ๑๗ และในที่สุด สถาปนา ๓ หลักการ ซึ่งนำไปสู่มหาวิทยาลัย ๓ แบบ คือ

(๑) Land grant university

(๒) Research university และ

(๓) Liberal Arts university

Land grant university ตั้งขึ้นตามกฎหมาย Morill Land-grant Act (1862) ที่กำหนดให้รัฐแต่ละรัฐ สามารถ ใช้ที่ดินของรัฐ และรายได้จากที่ดิน ก่อตั้งมหาวิทยาลัยได้ มหาวิทยาลัยกลุ่มนี้ เน้นอุดมศึกษาเพื่อการมีงานทำ

Research university ได้รูปแบบมาจากเยอรมนี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แนวคิดของ Wilhelm von Humboldt ชื่อบอกชัด ว่า เน้นการวิจัย เพื่อความก้าวหน้าของประเทศ และของโลก

Liberal Arts University ได้แนวคิดจาก Cardinal Newman แห่งสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นคนรุ่นเดียวกันกับ Humboldt ที่มองมหาวิทยาลัย เป็นที่เรียนรู้ ความเชื่อมโยงของสรรพสิ่ง

มหาวิทยาลัยในโลกปัจจุบัน เป็นลูกครึ่ง หรือ ส่วนผสม ระหว่างสามแนวคิดนี้

ปัจจุบันมหาวิทยาลัย กลายเป็นสถาบันที่บริการ มีราคาแพง แถมยังมีประสิทธิภาพต่ำ คือหลักสูตรปริญญาตรีสี่ปี นักศึกษาไม่ถึงหนึ่งในสาม เรียนจบตามกำหนดเวลา และมีตกออกไปเลยจำนวนมาก นี่ว่าตาม สภาพของสหรัฐอเมริกานะครับ

ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศ เอื้อให้เกิด การจัดบริการหลักสูตรออนไลน์ ให้บริการเรียนฟรี แต่ถ้าต้องการสอบ เพื่อประกาศนียบัตร ต้องจ่ายค่าธรรมเนียม ยิ่งนับวัน ยิ่งเป็นที่นิยมมากขึ้นๆ ข้อดีคือ ได้เรียนโดยไม่เสียเงิน เรียนที่ไหนเมื่อไรก็ได้ โดยผู้เรียน ต้องกำกับการเรียนของตัวเอง

เขาจึงทำนายว่า ในไม่ช้า ก็จะสิ้นยุคมหาวิทยาลัยในรูปแบบปัจจุบัน


ขอขอบคุณ...คุณ วิจารณ์ พานิช
เรียบเรียง เมื่อ ๑๖ ส.ค. ๖๐

Powered by MakeWebEasy.com