อย่าให้ความใกล้ชิด มาฆ่าความสัมพันธ์

Last updated: 11 ก.ย. 2560  |  432 จำนวนผู้เข้าชม  | 

หลังจากที่ “หมวย” เรียนจบพยาบาลได้ไม่นาน ป้าก็ป่วยหนักและมารักษาตัวที่โรงพยาบาลที่เธอทำงานอยู่

ป้าผู้นี้มีบุญคุณกับเธอมาก เพราะได้ดูแลเธอแทนแม่จนเธอเรียนจบชั้นมัธยม

หลังจากที่ย้ายไปเรียนจังหวัดอื่น เธอแทบไม่ได้พบหน้าป้าอีกเลยจนกระทั่งป้าล้มป่วย

แต่ช่วงที่ป้ารักษาตัวที่ห้องไอซียูนั้น เธอมีเวลาไปเยี่ยมป้าน้อยมาก เพราะงานรัดตัว ตั้งใจว่าวันเสาร์-วันอาทิตย์จะไปเยี่ยม แต่แล้วเพื่อนๆ ก็ชวนเธอไปเที่ยวพัทยา เธออยากเล่นน้ำทะเลอยู่แล้ว จึงตัดสินใจไปเที่ยวกับเพื่อน

คิดว่าเช้าวันจันทร์ไปเยี่ยมก็ยังไม่สาย แต่พอเธอกลับถึงบ้านค่ำวันอาทิตย์ก็ได้ข่าวว่าป้าเสียชีวิตแล้ว ผ่านมานับสิบปีแล้วเธอก็ยังรู้สึกผิดที่ไม่ได้ไปดูแลป้า ทั้งๆที่เป็นพยาบาลดูแลคนอื่นได้มากมาย แต่กลับไม่มีเวลาให้กับผู้มีพระคุณ
 

ตอนเรียนมัธยม “สมใจ” สนิทสนมกับ “ชัย” มาก แต่เมื่อเรียนจบทั้งสองก็แยกย้ายกันไปเรียนมหาวิทยาลัยคนละแห่ง มีช่วงหนึ่งที่ชัยโทรศัพท์มาคุยกับเธอแทบทุกคืน แต่ละครั้งคุยนานมาก

คืนหนึ่งเธอรู้สึกเพลีย อยากพักผ่อน แต่ชัยก็ยังไม่เลิกคุย เธอรำคาญจึงพูดตัดบทแต่เขาก็ยังคุยต่อ เธอจึงต่อว่าเขาด้วยความโมโหแล้ววางหู วันรุ่งขึ้นขณะที่เธอกำลังเดินเข้าห้องเรียนแม่ของชัยก็โทรศัพท์มา บอกว่าชัยเสียชีวิตแล้วจากอุบัติเหตุรถยนต์หลังจากคุยกับเธอได้ไม่นาน

เธอตกใจและรู้สึกเสียใจมาก ที่พูดไม่ดีกับชัยเมื่อคืน มันเป็นเสมือนบาดแผลในใจที่ยังอยู่จนทุกวันนี้

ทั้งหมวยและสมใจพูดตรงกันว่า หากรู้ว่าคนที่เธอรักจะต้องจากไปอย่างกะทันหันเช่นนั้น เธอจะไม่ทำอย่างที่ได้ทำไป หมวยจะใช้เวลาอยู่กับป้าให้นานที่สุดและอย่างดีที่สุด

ส่วนสมใจก็จะพูดคุยกับชัยด้วยความใส่ใจและอย่างนุ่มนวล แต่ในโลกนี้มีใครบ้างที่สามารถรู้อนาคตล่วงหน้า

ความตายของคนที่เรารักมักมาถึงอย่างไม่คาดฝัน มันพร้อมจะมาได้ทุกเวลาและไม่เลือกว่าจะเกิดกับผู้ใหญ่หรือเด็ก

ใครที่มองข้ามความจริงข้อนี้จะต้องพบกับความเสียใจอย่างสุดซึ้ง มิใช่เพียงเพราะคนรักจากไปอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะเขาได้พลั้งเผลอทำสิ่งที่ไม่สมควร (หรือไม่ได้ทำในสิ่งที่สมควร) กับผู้ที่จากไป โดยไม่มีโอกาสได้ขอโทษหรือแก้ตัวเลย

สิบปีอาจนานพอที่จะเยียวยาความเศร้าใจที่สูญเสียคนรักไป แต่ยากจะลบเลือนความรู้สึกผิดที่ได้ทำสิ่งไม่สมควรกับคนรัก

 

หากไม่อยากมีบาดแผลในใจก็ควรปฏิบัติต่อคนที่เรารักอย่างดีที่สุด อ่อนโยนและใส่ใจกับความรู้สึกของเขาให้มากๆ

แต่ปัญหาก็คือ ยิ่งเราสนิทสนมคุ้นเคยกับใคร เราก็ยิ่งคำนึงถึงความรู้สึกของเขาน้อยลง และทำตามอารมณ์ของเรามากขึ้น (ตรงกันข้ามกับคนที่ไม่ค่อยคุ้นเคยเรามักจะสุภาพและนุ่มนวลกับเขามากกว่า) ผลก็คือเรามักจะลืมตัว ทำสิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควรกับเขา

ความลืมตัวเป็นธรรมชาติของมนุษย์ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ช่วยไม่ได้เผลอทำสิ่งที่ไม่สมควรกับคนที่เรารัก นั่นคือ การเตือนใจตนเองเสมอ ว่าพรุ่งนี้เขากับเราอาจจะต้องพรากจากกัน วันนี้อาจเป็นวันสุดท้ายที่เขากับเราจะได้อยู่ด้วยกัน

ขณะที่เขากำลังอยู่ต่อหน้าเราตอนนี้ อาจเป็นโอกาสสุดท้ายที่เราจะได้ทำสิ่งดีๆ ให้แก่เขา

 

การเตือนใจเช่นนี้จะกระตุ้นเตือนให้เราปฏิบัติต่อเขาอย่างนุ่มนวล ไม่ทำตามอำเภอใจ รับฟังและใส่ใจกับความรู้สึกของเขามากขึ้น เมื่อเราทำอย่างดีที่สุดกับเขา หากใครเกิดมีอันเป็นไปในวันข้าหน้า ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องรู้สึกผิดต่อกัน

จะว่าไปแล้วการเตือนใจเช่นนี้ ไม่ควรทำเฉพาะกับคนที่เรารักเท่านั้น แต่ควรทำกับทุกคนที่เรารู้จักหรือติดต่อสัมพันธ์ด้วย

 

คราวหนึ่ง “เขมนันทะ” ได้จาริกไปประเทศพม่าและได้รู้จักกับพระไทยในรูปหนึ่ง เมื่อไปถึง เจดีย์ชเวดากอง ท่านได้ชวนเขมานั่นทะถ่ายรูปคู่กัน แต่เขมานันทะนั้นไม่ชอบธรรมเนียมแบบนี้จึงเดินหนี แต่พระไทยใหญ่ขอร้องให้เขาไปถ่ายรูปด้วย

คำพูดประโยคเดียวของท่านที่ทำให้เขมานันทะเปลี่ยนใจก็คือ

“ชีวิตนี้เราอาจได้พบกันเพียงครั้งเดียว”

เขาจึงยอมถ่ายรูปด้วยหลังจากเขมานันทะกลับมาเมืองไทยไม่นาน ก็มีจดหมายมาแจ้งข่าวว่าพระไทยใหญ่รูปนั้นมรณภาพแล้ว เขาเล่าในเวลาต่อมาว่า คำพูดประโยคนั้นสะเทือนอารมณ์ของตนมาก เพราะทำให้ได้คิดว่า คนเราเอาแต่แบ่งแยกเป็นเราเป็นเขา มัวแต่แก่งแย่งผลประโยชน์กัน จนลืมไปว่าคนที่อยู่ต่อหน้าเราอาจได้พบกันเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

 

การปฏิบัติต่อผู้คนที่เข้ามาในชีวิตของเรา ราวกับว่าเขาอาจพลัดพรากจากเราไปในวันพรุ่งนี้ ไม่เพียงช่วยป้องกันมิให้เกิดบาดแผลในใจเราในวันข้างหน้าเท่านั้น

หากยังช่วยสร้างสุขให้แก่เราในวันนี้ อันเป็นผลจากสัมพันธภาพที่ราบรื่นและงดงาม ทั้งกับคนใกล้และครอบครัว ยิ่งกว่านั้น ยังทำให้ทุกวันที่คนรักยังอยู่กับเรา เป็นวันที่มีความหมายยิ่งกว่าเดิม วันนี้จะกลายเป็นพิเศษ เพราะวันพรุ่งนี้อาจไม่มีเขาอยู่กับเราก็ได้

หญิงผู้หนึ่งเล่าว่า เพียงแค่ได้เห็นสามีและลูกๆ ทุกคนพร้อมหน้าที่บ้าน เธอก็มีความสุขอย่างยิ่งแล้ว เพราะเธอไม่แน่ใจว่าพรุ่งนี้จะมีโอกาสแบบนี้อีกหรือไม่ สำหรับเธอไม่มีอะไรที่ทำให้มีความสุขเท่านี้อีกแล้ว

ความสุขนั้นไม่ได้อยู่ไกลและไม่จำเป็นต้องไขว่คว้าให้เหนื่อยยาก เพราะแท้จริงความสุขนั้นมีอยู่กับเราในขณะนี้แล้ว นั่นคือการที่คนรักยังอยู่กับเรา และให้โอกาสเราได้ทำความดีกับเขาอย่างเต็มที่ อย่ามองข้ามความสุขอย่างนี้ และอย่าปล่อยให้โอกาสทองหลุดมือเราไป

ขอขอบคุณ...พระไพศาล วิสาโล
#TOOM"พรุ่งนี้อาจไม่มีเขา
#พระไพศาลวิสาโล

Powered by MakeWebEasy.com