"น้ำนิ่งไหลลึก น้ำลึกไร้เสียง"

Last updated: 24 ก.ค. 2560  |  1074 จำนวนผู้เข้าชม  | 

"น้ำนิ่งไหลลึก น้ำลึกไร้เสียง"

(อยากให้อ่านให้จบ.!!)



..พ่อชวนลูกออกไปเดินเล่นยังชายป่า
พอถึงทางโค้ง พ่อหยุดเดินแล้วถามลูกว่า "นอกจากเสียงนกร้องแล้ว ลูกได้ยินเสียงอะไรอีก"


ลูกหยุดเดินแล้วเงี่ยหูฟัง
ก่อนจะตอบว่า "นอกจากเสียงนกร้อง แล้ว ยังมีเสียงรถม้าวิ่งอยู่"

พ่อบอกว่า "ถูกต้องแล้ว"  .."และนั่นเป็นรถม้าที่ไม่ได้บรรทุกอะไร"


ลูกแปลกใจจึงถามพ่อว่า "รู้ได้ไงว่า นั่นเป็นรถม้าเปล่า"


พ่อตอบว่า "ฟังจากเสียงก็จะรู้ว่า เป็นรถเปล่า เพราะรถม้ายิ่งว่างเปล่า เสียงก็จะยิ่งดัง"


..พอเด็กน้อยโตขึ้น

ทุกครั้งที่เจอคนที่ชอบคุยโม้โอ้อวด พูดจาโอหัง ชอบตัดบทคนอื่น ถือตนเป็นใหญ่ ไม่มีใครอยู่ในสายตา ดูหมิ่นคนอื่น เขามักจะมีความรู้สึกเหมือนพ่อมายืนกระซิบอยู่ข้างหูว่า "รถม้ายิ่งว่างเปล่า เสียงก็จะยิ่งดัง"

..คนที่มีความเชี่ยวชาญในการเดินข้ามห้วยน้ำลำธาร
ก่อนที่จะลุยลงน้ำ เขามักหยิบก้อนหินขึ้นมาก้อนหนึ่ง แล้วปาไปกลางน้ำ เพื่อเป็นการคาดคะเนความลึกของน้ำ

ละอองน้ำยิ่งกระจายสูงขึ้นเท่าไหร่ น้ำในลำธารก็จะยิ่งตื้นเท่านั้น
ในทางตรงกันข้ามถ้าละอองน้ำกระเซ็นขึ้นมายิ่งน้อยฉันใด แล้วยังบวกกับกระแสน้ำที่ไหลเงียบสนิท
พึงสังวรได้เลยว่า "น้ำจะยิ่งลึกมากขึ้นฉันนั้น..."

จำไว้..ว่า

"น้ำนิ่งไหลลึก น้ำลึกไร้เสียง"

"รถม้ายิ่งว่างเปล่า เสียงก็จะยิ่งดัง"


คนมีดีแต่ไม่ทำตัวให้โด่ดเด่น ไม่โอ้อวดบารมี ไม่พูดจาข่มเขา นั่นน่าจะเป็นวิถีของคนจริง!

หากนำเอาหลักการเหล่านี้ มาเปรียบเปรยกับบุคคลที่เราพบเจอ

จะสังเกตุได้ว่า คนใจเย็นเวลาสนทนากับคนอื่น มักจะสามารถหลีกเลี่ยงการขัดแย้งกับคู่สนทนา

และยังสามารถซึมซับรับรู้ถึงความคิดเห็นของคนอื่น

แทนที่จะดันทุรังเอาแต่ยัดเยียดความคิดเห็นของตนเป็นใหญ่อยู่ฝ่ายเดียว..


คนที่ก้าวเดินด้วยความใจร้อน มักมองไม่เห็นตะปูบนพื้นฉันใด

คนที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวล ก็ไม่รู้จักรสชาติของวันชื่นคืนสุขฉันนั้น

ปฐพีนี้ไม่มีไรใหญ่เกินมหาสมุทร แต่เหนือสุดกว้างใหญ่กว่าคือเวหา

แม้นเวหาจะยิ่งใหญ่ครอบจักรวาล แต่ยังกว้างสู้จิตมนุษย์มิได้เอย



(เขียนโดย...ขจรศักดิ์ แปลและเรียบเรียง #ปลายฟ้า)

Powered by MakeWebEasy.com