อย่าคล้อยตามวัฒนธรรมตะวันตก

Last updated: 20 ต.ค. 2559  |  516 จำนวนผู้เข้าชม  | 

อย่าคล้อยตามวัฒนธรรมตะวันตก เพราะไม่มีกฎหมายหรือ ระเบียบสังคมที่ต้องนำมาใช้ในประเทศนี้ เป็นแค่การถือโอกาสเอาเปรียบผู้บริโภคเพราะขาดจริยธรรมและจรรยาบรรณ เป็นจุดเริ่มต้นของการก่อให้เกิด ความเลวร้ายในสังคมถ้าทุกคนนิ่งเฉยและยอมรับ

แชร์มาจากไลน์ใครเขียนไม่ทราบค่ะ.. แต่ชอบไอเดีย!!!

ผมได้ปรึกษาทนาย ว่าร้านอาหารสามารถเก็บค่า service charge ลูกค้าได้ไหม

จากการระดมสมองของกลุ่มทนายมือดี 6 คน เพื่อค้นหาและวิเคราะห์ข้อกฏหมายต่างๆ

ปรากฏว่า ลูกค้ามีสิทธิ์ที่จะไม่จ่ายค่า service charge และทางร้านไม่มีสิทธิ์ในการเรียกเก็บ

ผมพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ เราไปร้านอาหาร เราไปซื้ออาหาร หลังจากที่เราสั่งอาหาร ถือว่าการตกลงซื้อขายได้เกิดขึ้นแล้ว

และกระบวนการทั้งหมด ที่เกิดขึ้นในการกินอาหาร ก็มีแค่ พนักงานนำอาหารมาเสริฟให้เรา

การเรียกเก็บค่า service charge 10% จึงไม่มีความเป็นธรรม เพราะไม่ได้มีบริการเสริมใดๆขึ้นมาจากการเสริฟอาหารปกติ

และต่อให้มีบริการอะไรที่เพิ่มเป็นพิเศษ ลูกค้าก็ต้องมีสิทธิ์เลือกว่าจะซื้อบริการนั้นรึไม่

และผมได้ปฏิเสธการจ่ายค่า service charge มาตลอด2เดือนที่ผ่านมา ทุกร้านจะเรียกผู้จัดการร้านมาคุยกับผม

ผมได้ตอบกลับไปทุกรายว่า คุณมีสิทธิ์อะไรมาคิดเงินผมเพิ่มอีก10% นอกเหนือจากค่าอาหาร ผมท้าให้ฟ้องร้องเป็นคดีตัวอย่างเลย

ให้ศาลตัดสินเป็นคดีแรกของประเทศไทยไปเลย เพื่อจะได้ลงหน้า1ไทยรัฐ คนไทยทั้งประเทศจะได้เลิกถูกเอาเปรียบจากนายทุน

ปรากฏว่า ไม่มีร้านไหนกล้าเก็บค่า service charge ผมแม้แต่ร้านเดียว โดยทางผู้จัดการร้านบอกว่าครั้งนี้จะอนุโลมให้เป็นพิเศษ ผมสวนกลับไปทันทีว่าพรุ่งนี้ผมก็จะมากินอีก แล้วก็จะไม่จ่ายค่า service charge เช่นเดิม ให้ทางร้านเตรียมทนายมาด้วยเลยก็ได้

ตลอด2เดือน หลังจากที่ไม่ต้องจ่ายค่า service charge 10% ทำให้ผมมีเงินในกระเป๋าเหลือมากขึ้นจนน่าตกใจ

ผมมาคิดๆดู ตลอดชีวิตผมเสียค่าโง่พวกนี้ไป น่าจะเป็นรถยนต์คันหนึ่งได้เลย หรือถ้านำไปลงทุนในกองทุนรวม เงินก้อนนี้คงกลายเป็นล้านไปแล้ว

บางร้านถึงกับคิดค่าบริการสุดโหด 15-20% ก็มีในหลายๆร้านในกรุงเทพ

หลังจากอ่านกระทู้นี้จบ ขอให้ทุกคนปฏิเสธการจ่ายค่าบริการในทุกกรณี เพราะทางร้านไม่มีสิทธิ์มาเก็บกับเรา เด็กเสริฟคือลูกจ้างของร้าน และกฏหมายกำหนดให้นายจ้างเป็นผู้จ่ายค่าจ้าง ไม่ใช่ผลักภาระมาให้ลูกค้าเป็นค่าจ่าย

ร้านค้าบางร้านหัวหมอ ใช้จุดอ่อนด้านต่อมคุณธรรมของคนไทย โดยบอกว่าค่าบริการจะทำให้พนักงานเสริฟมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

เปิดคางมาแบบนี้ ผมสวนด้วยอัพเปอร์คัทกลับไปทันทีว่า ถ้าคุณอยากให้พนักงานมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นก็ขึ้นเงินเดือนให้พวกเขาเป็นเดือนละแสนสิ มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมเลย

ถ้าวันนี้ผมไม่เป็นคนเริ่ม สังคมไทยต่อไปลำบากแน่ เพราะร้านอาหารมันจะได้ใจ และอาจขึ้นค่าบริการไปเรื่อยๆจนวันหนึ่ง ค่า service charge อาจแพงกว่าอาหาร เช่น ข้าวผัดกุ้งจานละ 80 ค่าบริการ 100 บาท

คนไทยถูกเอาเปรียบจนคิดว่ามันคือเรื่องปกติ ถ้าใครมองว่าการจ่ายค่าบริการ10% เป็นเรื่องปกติ และชอบด้วยเหตุผลแล้ว

ผมแนะนำว่าคุณควรทบทวนตัวเองแล้วว่าคุณคงถูกเอาเปรียบจนกลายเป็นเรื่องปกติรึป่าว

เรื่องนี้ถึงอย่างไรก็ผิดกฏหมาย และเรามีสิทธิ์อย่างเต็มที่ที่จะไม่จ่าย

ผมอยากให้ร้านอาหารฟ้องผมเหลือเกิน จะได้เป็นคดีตัวอย่างไปเลย

และมั่นใจว่า ผมชนะแน่นอน หลังจากปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญทางกฏหมายที่จบจาก อเบอดีน (แหล่งผลิตนักกฏหมายระดับท็อปของโลก)

เขาให้เหตุผลไว้อย่างน่าฟัง ว่า...

ถ้าเรื่องนี้ศาลตัดสินให้ ผู้บริโภคแพ้คดี สิ่งที่ตามมาก็คือ ทุกๆธุรกิจจะหันมาเก็บค่าบริการบ้าง

เช่น

ร้านถ่ายเอกสาร เก็บค่าบริการเพิ่มอีก 10% เพราะเขาต้องเอามือหยิบกระดาษจากเครื่องส่งให้คุณ

ร้านขายของชำ จะเก็บค่าบริการเพิ่มอีก 10% เพราะเขาต้องให้พนักงานหยิบของใส่ถุงให้คุณ

มันมีอะไรแตกต่างจากร้านอาหาร ที่แค่ยกอาหารมาเสริฟให้ลูกค้า

ถ้าร้านอาหารสามารถเก็บได้ ธุรกิจอื่นๆก็เก็บได้เช่นกัน

ช่วยกันแชร์ออกไปเยอะๆ และเริ่มที่ตัวคุณ ต่อไปให้ปฏิเสธการจ่ายค่าบริการในทุกๆกรณี และถ้าร้านไม่ยอม ก็ท้าให้ฟ้องเลย

คุณชำระแค่ค่าอาหาร ส่วนค่าบริการไม่ต้องจ่าย

กฏหมายไม่เปิดช่องให้ร้านอาหารสามารถมาเรียกเก็บค่าบริการจากเราได้

ส่วนใครที่ประทับใจในการบริการ คุณสามารถให้เป็นทิปแก่พนักงานได้ เพราะทิปมันถึงพนักงานแน่นอน และเป็นการให้ด้วยความสมัครใจ

ไม่ใช่ถูกมัดมือชกแบบ service charge

Powered by MakeWebEasy.com